วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

        เรียน เรียน เรียน

ทำไมรู้สึกเหนื่อย เบื่อ
ในสิ่งที่เรายิ่งพยายาม ยิ่งตามก็ไม่สำเร็จ
พยายามน่ะ อยากเอาปริญญามาให้แม่
ท่องเสมอ ท่องเข้าไป
จึงต้องทน ทน
ในเมื่อสิ่งแวดล้อม สรรพสิ่งทุกอย่าง
รอบตัวจะทำให้รู้สึกท้อน่ะ
แต่เมื่อโทรไปหาแม่
ก็ไม่กล้าบอกเค้า ว่้าทำให้ไม่ได้แล้ว
สุดท้าย เราต้องทน ทน เพื่อคนๆเดียวที่เรารัก
ถ้าไม่ใช่เค้า ก็ไม่มีเรามานั่งอยู่ตรงนี้
เค้าพูดเสมอว่า
แม้ไม่มีใครเข้าใจในตัวเรา
กลับมามองข้างๆเค้ายังอยู่กับเราเสมอ
เค้าไม่เคยเรียกร้องให้เราทำอะไีร
ไปมากกว่าปริญญาใบเดียว
ทั้งๆเรามีงานทำ ส่งเงินให้เค้าได้
มีทุกสิ่งเป็นของต้วเองได้
แต่เค้าก็ยังคงถามถึงเรื่องปริญญาหนึ่งใบที่เค้าต้องการ
ฉันจึงทนกับสรพพสิ่ง ที่อยู่รอบตัว
แล้วมองมันเป็นเพียงแค่ฝุ่น ที่เข้าตาเท่านั้น
ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้

        อาชีพที่ใฝ่ฝัน

อาชีพในฝันของเรามักต้องมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ

ปัจจัยที่ทำให้อาชีพที่ใฝ่ฝันเปลี่ยนแปลงไปนั้น ก็คืออายุ

เมื่อตอนอนุบาลฉันอยากเป็นพยาบาล เหมือนแม่

เพราะแม่เป็นตัวอย่างที่ฉันอยากทำตามมากที่สุด

ในตอนนั้นฉันคิดว่าแม่เป็นผู้หญิงที่เก่งมากคนนึ่ง

สามารถทำงาน เรียน และดูแลฉันไปพร้อมกันได้

แต่พอเริ่มเรียนประถมศึกษา มีการเรียนมากกว่าเดิม

มีหนังสือ สื่อการเรียนที่เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น

ทำให้ฉันเกิดความคิดที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส

เพราะแอร์โฮสเตสเป็นอาชีพที่เด็กผู้หญิงรุ่นฉันใฝ่ฝันกันทุกคน

การที่ได้ทั้งเที่ยว และทำงาน แถมมีเงินใช้

มันเป็นอาชีพที่มีความสุขมากอีกอาชีพนึ่ง

ต่อมาเมื่อฉันเรียนมัธยมต้น

ในสมัยที่ฉันเรียนมัธยมต้นนั้นเริ่มมีวิวัฒนาการในการศึกษามากยิ่งขึ้น

มีเทคโนโลยีที่ได้ชื่อว่าสุดยอดมาก

ใครจะไปนึกถึงว่าโทรทัศน์มาบวกกับ

เครื่องพิมพ์ดีดจะสามารถทำการบ้านได้เร็วขึ้น สิ่งนั้นก็คือ คอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ทำให้ฉันเป็นนัก search engine

ตัวยงในชั้นเรียน ตอนนั้นฉันก็คิดอยากเรียนและทำงานในสายคอมพิวเตอร์

อาชีพที่ฉันคิดไว้ก็คือ โปรแกรมเมอร์หรือกราฟฟิคดีไซเนอร์

เมื่อเรียนเริ่มสูงไปจนถึงมัธยมปลาย

เป็นช่วงที่ผู้ใหญ่มักเรียกว่า หัวเลี้ยวหัวต่อ

ฉันก็เริ่มมีความคิดที่แปลกไปกว่าเดิม

และคิดว่าอยากเป็นมากกว่าคนเบื้องหลังที่ทำโปรแกรมออกมา

ให้คนอื่นใช้ ก่อนเอ็นเทรนส์ ฉันจึงรู้ใจตัวเองว่าสิ่งที่อยากเป็น

และอยากทำมากที่สุด ก็คือ แฟชั่นดีไซเนอร์

ฉันจึงไปเรียนวาดภาพติวเข้ม 3 เดือน ก่อนเอ็นทรานส์

เพราะคณะที่ต้องเรียนนั้นต้องใช้ทั้งฝีมือ

และผลงานที่สะสมมานานไม่งั้นไม่สามารถเข้าเรียน

ในคณะนี้ได้ อาจารย์ที่สอนวาดภาพจึงส่งผลงานออกแบบ

ของฉันเข้าประกวดระดับจังหวัด ด้วยความดวงดีของฉัน

ฉันจึงคว้าที่สองของจังหวัดมาเป็นผลงานที่จะไปโชว์ตอนสอบตรงที่คณะ

เมื่อผลเอ็นทรานส์ออกมาพร้อมด้วยพี่สาวที่ไม่ต้องการให้ฉันเรียนคณะนี้

สุดท้ายฉันก็จำใจยอมลงคณะวิทยาการการจัดการคอมพิวเตอร์

และมนุษยศาสตร์ภาษาอังกฤษธุรกิจ

ทำให้ฉันต้องมาลงเอยที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

เมื่อเข้าเรียนที่นี้ ฉันก็ตัดใจจากการอยากเรียนออกแบบแฟชั่น

หันหน้ามามุ่งทางภาษาอย่างเต็มที่

สุดท้ายฉันก็ไปในปีสุดท้ายไม่รอดเพราะทั้งเรียน

ทำงานและตัวฉันเองก็เป็นคนกระตือรือร้นที่จะหาสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต

เพราะเหตุนี้ทำให้ฉันยึดเอางานที่ทำปัจจุบันเป็นอาชีพในฝัน

อาชีพปัจจุบันของฉันก็คือ

พิธีกร ฉันเป็นพิธีกร รายการแกะกล่อง ทางช่องเนชั่น

เป็นอาชีพที่ทำให้ฉันได้ทำทุกอย่าง

ฉันสามารถเรียนออกแบบแฟชั่น

ฉันสามารถออกแบบเว็บไซด์ และเรียนภาษา

โดยที่ตัวฉันเองก็สามารถพิสูจน์ให้ที่บ้านรู้ได้

ว่าฉันไม่ต้องขอเงินที่บ้านก็สามารถเรียนในสิ่งที่ฉันอย่างเรียนได้

อาชีพนี้ทำให้ฉันได้ความรู้มากมายเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในห้องเรียน

เป็นอาชีพที่ทำให้ฉันรู้ในสิ่งที่หาไม่ได้ในหนังสือ

อาชีพพิธีกรจึงเป็นอาชีพที่ฉันไม่ได้ใฝ่ฝัน

แต่เป็นอาชีพที่ทำให้ฝันฉันเป็นจริง

        เพื่อน???


เพื่อน
เพื่อนในความคิดคุณคืออะไร
ในความคิดฉัน

เพื่อนคือคนที่เราไว้ใจเค้า
เพื่อน คือคนที่เราทำหลายสิ่งให้โดยไม่คิดถึงสิ่งตอบแทน
เพื่อนคือคนที่พึ่งพาอาศัยด้วยจิตใจ
เพื่อนคือคนที่ไม่ทิ้งเพื่อนในยามลำบาก
เพื่อนคือคนที่เราห่วงใยยามเค้าทุกข์
เพื่อนคือคนที่เราอยากให้เค้ามีความสุข
เพื่อนคือคนที่เราช่วยเค้าได้เมื่อเค้าลำบาก
เพื่อนคือคนที่เรายอมเหนื่อย แม้ไม่ได้อะไรตอบแทน

ฉันไม่เคยมีเพื่อนรัก
แต่ฉันเคยรักเพื่อน แต่มันกลับเป็นดาบสองคม
มาทำลายตัวฉันเอง

เพราะฉะนั้นเพื่อน จึงไม่มีในสารานุกรมฉัน
เพราะคนๆนั้นไม่มีอยู่จริง

หรือคุณคิดว่ามี??

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

        เรียนสบายๆกับวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ


วันนี้เป็นวันที่ต้องไปเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่มหาวิทลัยวันแรก
แต่ไม่ใช่วันแรกที่เปิดเทอม แต่เป็นวันที่2-3ตั้งแต่เปิดเทอม
ครั้งแรกเมื่อเข้าไปในห้องเรียนที่เปลี่ยนไป
ไม่ใช่ห้องข้างล่างเหมือนเดิมตอนปีหนึ่ง
ห้องเล็กกว่าเดิม ต้องเดินบันได
แต่ก็สนุกไปอีกแบบ
เรียนวันแรก ค่อนข้างสบายๆ
อาจารย์สอนได้เข้าใจในระดับหนึ่ง(ที่ไม่เข้าใจก็เยอะ)
แต่ไม่เป็นรายอาศัยอ่านก็ได้ (อิอิ)
นั่งเรียนไปสักพัก เผลอแป็บเดียวเวลาก็หมด
ก็ได้กลับบ้าน


        คณะที่ฉันศึกษา


คณะนิเทศศาสตร์

ก่อนที่จะได้เรียนคระนิเทศมันยากน่ะ
ไม่ใช่เพราะการเรียน แต่กลับเป็นการทำให้ที่บ้านเข้าใจ
ในสิ่งที่เราเลือกที่จะเรียน
คณะนิเทศศาสตร์เป็นคณะที่ฉันถนัดที่สุด
เพราะฉันทำงานที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางนิเทศศาสตร์
ไม่ว่าจะ ประชาสัมพันธ์ โฆษณา โทรทัศน์
ทำให้ฉันสนุกกับทุกวิชาที่เรียน
และหวังว่าความรู้ที่ได้ศึกษามา
จะสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชิีพได้
ไม่มากก็น้อย
เพราะในห้องเรียนแตกต่างกับสิ่งที่พบเจอ
ในโลกความเป็นจริง


        ทำไมต้องที่นี้

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต


มหาวิทยาวัยสวนดุสิต
ทำไมต้องมาเรียนที่นี้
เป็นสิ่งแรกที่ฉันคิด เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในม.
ไม่ใช่ว่าสถาบันนี้ไม่ดีน่ะ
แต่เป็นเพราะฉันไม่ได้อยากเรียนสายวิชานี้
ฉันเข้าที่นี้กับคณะที่ฉันไม่อยากเรียน
คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกอังกฤษธุรกิจ
ฉันพยายามทำใหเทุกคนสบายใจ
ฉันรักพ่อกับแม่มาก
แต่ต้องเรียนในสิ่งที่ฉันไม่อยากเรียน
แต่ฉันก็พยายามทำมันได้ดี
จนเสี้ยววินาที สุดท้าย
ที่ถูกเพื่อนรักหักหลัง ทำฉันโดนretry
ด้วยเรื่องงี้เง่า กับอาจารย์หูเบา
สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง
อย่างที่พูดใหญ่เค้าพูดกัน
แต่ฉันก็มาเรียนที่นี้อีกครั้ง
ในคณะที่ฉันชอบและสนุกกับมัน